-->

วันพุธที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2561

เคล็ดลับสอบกพ.ยังไงให้ง่ายขึ้น จากผู้ผ่านการสอบงานราชการและกพ. ตัวจริง

 กพ.คืออะไร
 

สวัสดีครับผมผู้กองธี ปัจจุบันเป็นข้าราชการตำรวจ ตำแหน่ง รองสารวัตร กลุ่มงานฯบริหารจัดการระบบฐานข้อมูล ประจำอยู่ที่ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศกลาง สำนักงานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สํานักงานตํารวจแห่งชาติ เป็นผู้สอบผ่าน กพ. 58ซึ่งปีนั้นมีผู้สอบผ่านประมาณ 5%(ดูหนังสือรับรองด้านล่าง) สำหรับคนที่สนใจจะ สอบ กพ. เป็นการทดสอบวัดความรู้ความสามารถสำหรับข้าราชการหรือสำหรับคนที่มุ่งหวังจะเป็นข้าราชการหรือว่าคนที่อยากทดสอบว่าตัวเองมีความสามารถมีความรู้ได้มาตรฐานมั้ย ผมรู้จักการสอบ กพ. เมื่อหลายปีที่แล้วมีเพื่อนคนหนึ่งแนะนำให้ไปสอบเขาก็บอกว่าเออเดี๋ยวมันมีการสอบ กพ.นะให้มึงลองไปสอบดู ผมก็ถามว่าการสอบ กพ.มันคืออะไร เพื่อนว่ามึงไม่รู้จักจริงหรอ เป็นการสอบการสอบวัดความรู้ความสามารถคือถ้ามึงอยากเป็นราชการมึงไปสอบเก็บไว้จะดี ถามเพื่อนว่าข้อสอบเป็นไงบ้างยากไหม เพื่อนบอกว่าก็ไม่ยากหรอกมึงสอบได้อยู่แล้ว เป็นข้อสอบวัดความรู้ความสามารถทั่วไปมีการคำนวณทางคณิตศาสตร์นิดหน่อย ก็บอกผมประมาณแค่นี้ มันบอกว่าตอนนั้นมันแทบไม่ได้อ่านก็ไปทำข้อสอบได้เดี๋ยวจะลองไปสอบดูก็ผ่านไปหลายปีนะครับกว่าผมจะได้มีโอกาสไปสอบ กพ. ตามที่เพื่อนแนะนำ เพื่อความไม่ประมาทผมก็ไปซื้อหนังสือเล่มหนึ่งมาอ่านเป็นหนังสืออะไรดูที่ด้านล่างนะครับ สอบ กพ.ที่ไหน ตอนนั้นที่ผมสอบก็คือเลือกสถานที่สอบเป็นกรุงเทพและปริมณฑลได้ไปสอบที่แถวนนทบุรีครับ ชานกรุงเทพเลย ไปไม่ถูกหรอกครับ นั่งรถในไปก็กลัวหลงเหมือนกันเป็นโรงเรียน ในจังหวัดนนทบุรีห้องสอบก็เป็นห้องเรียนธรรมดามีพัดลม อากาศวันนั้นก็ค่อนข้างจะร้อน เปิดหน้าต่างเปิดพัดลมร้อนครับ ยิ่งเห็นข้อสอบก็ยิ่งร้อน ข้อสอบไม่ได้ง่ายนะ แล้วก็มันก็ไม่ยากเกินไป เห็นข้อสอบก็เหงื่อตกเหมือนกัน ลองเปิดดูก่อนเลยเปิดข้อสอบค่อยๆดูเออว่าเนื้อหาประมาณไหน มันง่ายมันยากเราจะทำข้อไหนก่อนก็เปิดดูเปิดดูดูรวมๆแล้วหนักใจเหมือนกัน ก็นั่งตั้งสติค่อยๆมาไล่ดูไล่ทำข้อสอบข้อสอบ ข้อสอบจะเป็นการทดสอบความรู้ความสามารถทั่วไป แต่ไม่ใช่ความรู้รอบตัวนะ ไม่ใช่ถามว่าที่ราบสูงทิเบตอยู่ในประเทศอะไรนะครับ ประเทศจีนทิเบตอะไรอย่างนี้มันไม่ใช่ความรู้รอบตัวลักษณะแบบนั้น ข้อสอบ กพ.เป็นอย่างไร ข้อสอบจะเป็นการวัดความรู้ความสามารถในการคำนวณคณิตศาสตร์เบื้องต้น การแก้สมการ การคิดเป็นเหตุเป็นผล ตรรกศาสตร์ มิติสัมพันธ์ อนุกรม สดมภ์ ข้อสอบมันไม่ได้เป็นข้อสอบแบบถามตรงๆตอบตรงๆอะไรอย่างนี้ ไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลย ทุกข้อมันจะแฝงไว้ด้วยความคิดซ่อนเงื่อน ใครที่เกิดมาในเป็นคนที่มีคนชอบคิดช่างสงสัยคิดเก่งแก้ปัญหาเก่งเนี่ยจะได้เปรียบเพราะว่าข้อสอบมันวัดความสามารถด้านการคิดการเป็นเหตุเป็นผล บางส่วนของข้อสอบเป็นลักษณะแบบนี้ รถคู่กับพวงมาลัย แล้วเรือคู่กับอะไร มีบ้างแต่ว่ามันก็ไม่ได้เยอะอะไร อันนี้จบภาคแรกแล้วนะเป็นข้อสอบลักษณะแบบนี้ รู้สึกว่าจะพักนะแล้วก็ตอนบ่ายจะเป็นข้อสอบภาษาอังกฤษกี่ข้อจำได้ไม่แน่ชัด 40 ข้อหรือไงเนี่ยข้อสอบภาษาอังกฤษโดยส่วนตัวผมว่าไม่ยากนะครับ คือไม่ได้ถามอะไรสลับซับซ้อนอะไรใครอ่านพารากราฟแล้วจับใจความได้เราก็สามารถตอบคำถามได้ เช่นผมขอพูดเป็นภาษาไทยนะปลาโลมาเป็นสัตว์น้ำเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่น่ารักมันชอบกินขนมหวานเป็นอาหารก็ขีดเส้นใต้คำว่ามัน แล้วถามว่ามันแทนคำว่าอะไรอันนี้เป็นตัวอย่างนะหรือถามว่าเนื้อเรื่องนี้ควรตั้งชื่อว่าอะไร ใครว่าชอบอ่านภาษาอังกฤษอ่านแล้วจับใจความได้สรุปใจความได้ก็จะได้เปรียบเลย สำหรับในส่วนของภาษาอังกฤษง่ายๆผ่านแน่นอน 60% ข้อสอบภาษาอังกฤษไม่ยาก ผมเตรียมตัวสอบยังไงเหรอครับ มันไม่ใช่ว่าอ่านวันนี้แล้วพรุ่งนี้สอบคุณจะทำได้ทันทีทันใดถ้าเป็นอย่างนั้นโลกนี้มันนี้มันก็ไม่ยุติธรรมแล้วล่ะครับยกเว้นว่าคุณเตรียมตัวมาดีแล้ว เป็นคนความจำดีเลิศ มีพรสวรรค์ด้านการคำนวณเป็นเลิศนะครับ อันนั้นก็เป็นไปได้ สำหรับผมแล้วหรอครับก็คือจริงๆแล้วผมตั้งใจเรียนมาตั้งแต่เด็กๆแล้วนะครับ คนสมัยก่อนเขาจะสอนลูกสอนหลานว่าให้ตั้งใจเรียนนะเรียนเก่งๆโตขึ้นเนี่ยจะได้เป็นเจ้าคนนายคน โตขึ้นจะได้มีหน้าที่การงานดีๆทำผมเองค่อนข้างเชื่อครับผมเชื่อครับว่ามันเป็นอย่างนั้น อีกอย่างคือที่บ้านผมก็มีฐานะนะครับ มีฐานะยากจน ก็คือการศึกษาเนี่ยมันเป็นหนทางเดียวที่ผมคิดออกตอนนั้น ที่มันจะทำให้ผมน่าจะถีบตัวให้สูงขึ้นได้ ผมก็เลยตั้งใจเรียนตลอด ไม่ว่าเพื่อนฝูงจะเกเรยังไง จะชวนไปไหนผมไม่ไปเลย พูดง่ายๆก็คือเป็นเป็นเด็กเรียนตลอด แล้วก็คิดเสมอเลยครับว่าอันนี้ไม่ได้ว่าพูดเอาหล่อเอาเท่อะไรนะ เงินแทบทุกบาททุกสตางค์ที่พ่อแม่ตั้งใจให้ผมนำไปใช้เรียน นำไปใช้เพื่อการศึกษาผมก็นำไปใช้เพื่อการเรียนเพื่อการศึกษาเท่านั้นนะครับ 90เปอร์เซ็นต์ขึ้นไป เพราะว่าผมเห็นพ่อแม่ผมน่ะทำงานเหน็ดเหนื่อยกว่าจะได้เงินแต่ละบาท เมื่อก่อนพ่อแม่ทำไร่ ผมมีโอกาสได้ไปช่วยทำไร่บ้างก็เห็นว่ามันทั้งร้อนทั้งเหนื่อยก็เลยรู้คุณค่าของเงินครับ ไม่พยายามใช้เงินฟุ่มเฟือยใช้เงินเท่าที่จำเป็น สรุปใจความคือถ้าเราสะสมความรู้มาดีอ่านนิดหน่อย มันก็เข้าที่เข้าทางแล้ว แต่สำหรับคนที่เตรียมตัวมาน้อย วันนี้ต้องสอบแล้วจะเตรียมตัวยังไง ต้องอ่านตามหัวข้อที่ผมบอก หัวข้อที่ต้องอ่านก็แบบที่ผมบอกนั่นล่ะครับลองขึ้นไปอ่านดูข้างบนนะครับ ทำซ้ำๆต้องฝึกทำซ้ำๆ ฝึกบ่อยๆแล้วล่ะครับ ทำให้สมองให้ร่างกายเราเนี่ยมันคุ้นเคยให้มันเคยชิน ให้มันเกิดทักษะ เพราะว่าวิชาคณิตศาสตร์วิชาการคิดคำนวณเป็นวิชาทักษะก็คือต้องฝึกบ่อยๆ อาจต้องเตรียมตัวหลายเดือนหรือเป็นปี ตื่นเช้ามาออกกำลังกายออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์ การออกกำลังกายที่พอดีทำให้ระบบต่างๆในร่างกายทำงานได้ดี ดื่มน้ำสะอาด ทำใจสบายๆ พยายามอย่าพูดเยอะ ถ้าพูดก็พูดที่มันเป็นประโยชน์ พูดเท่าที่จำเป็น พูดเยอะมันฟุ้งซ่าน สติไม่ดี เป็นการรบกวนความจำอันนี้ส่วนตัวผมเป็นอย่างนี้นะ กินข้าวเช้าอาหารกินง่ายๆ ข้าวไข่ต้ม น้ำพริก ปลาต้ม กินอะไรที่เป็นลักษณะย่อยง่ายนะ กินผลไม้ด้วย เช่น กล้วย มะม่วง หรืออื่นๆ อ่านหนังสืออย่างไร หลังจากนั้นก็มาอ่านหนังสือ อ่านวนไปครับโปรแกรมของเราเองเช่น 1 ชั่วโมงแรกอ่านเรื่องการคำนวณทั่วไป 2 อ่านเรื่องสถิติเบื้องต้น 3 อ่านเรื่องสดมภ์ 4 เรื่องอนุกรม เรื่องการคำนวณทั่วไปเช่นการคำนวณมุมของเข็มนาฬิกา การพายเรือทวนน้ำตามน้ำ การคำนวณด้านแรงงานเช่นมีคน 4 คนทำงานงาน 1 เสร็จภายใน 20 วันถ้ามีคน 17 คนทำงานชิ้นนี้จะเสร็จภายในกี่วัน ก็ลองไปดูนะคับวิธีแก้โจทย์ลักษณะแบบนี้ควรจะทำให้มันได้ ในแต่ละชั่วโมงอาจจะมีการนอนพักสัก 10 นาที ทำใจสบายเลยนะ ไม่ต้องคิดถึงเรื่องอะไรใดๆทั้งนั้น ไม่ต้องกังวลเรื่องอะไรเลยลองทำให้ได้ คนเราเนี่ยฝึกคิดมาจนเคยแล้วบางคนคิดมาทั้งชีวิตแล้วลองฝึกไม่คิดดูบ้าง ทำจิตใจเราให้สบายให้นิ่งที่สุด แล้วมันจะจำได้ อ่านไปแล้วอ่านไปเลยนะ ไม่ต้องมากังวลเปิดย้อนไปย้อนมา ไม่ต้องทำอย่างนั้นนะครับ เก็บไว้อ่านรอบที่สองหรือรอบต่อๆไป วันแรกอ่านให้ครบแบบนี้เลยนะในแต่ละวันอ่านให้ครบทุกบทอย่างนี้ วันต่อๆไปก็อ่านซ้ำวนแบบนี้ อาจมีโจทย์มาฝึกลองทำบ้างเพื่อให้เรามีทักษะให้มีภูมิคุ้มกัน ที่เน้นย้ำคือเรื่องเรื่องการออกกำลังกาย การกินอาการที่มีประโยชน์ การรักษาอารมณ์ให้สงบ ไม่ต้องนอนดึก ประมาณ 4 ทุ่มพอ มือถือไม่ต้องดูเลยนะครับ หลีกเลี่ยงการดูมือถือ ดูทีวี โทรคุยอะไรอย่างเนี้ยมันจะทำให้จิตใจเสียสมาธิ ผมคงเน้นย้ำเรื่องสมาธิคือสมาธิดีมีชัยไปกว่าครึ่ง ตอนที่ผมสอบปี 58 มันไม่มีข้อสอบเอามาเปิดเผยใน Facebook ในอินเตอร์เน็ตอะไรเยอะแยะแบบนี้ ผมอ่านหนังสืออยู่แค่เล่มเดี๋ยวแค่นั้นแหละครับ ถึงวันสอบต้องเตรียมอะไรไปบ้าง “เตรียมตัว เตรียมบัตรต่างๆ เตรียมอุปกรณ์ เตรียมใจ ครับ” เมื่อเตรียมตัวดีละถึงวันสอบไม่ต้องอ่านแล้วนะ ถึงวันสอบเรื่องเอาหนังสือไปอ่านหรือว่านั่งรถเมล์ไปอ่านไปไม่ต้องทำนะ เราต้องมั่นใจในตัวเอง แล้วก็อย่ากังวล อย่ากลัวเกินเหตุ อุปกรณ์ที่ต้องเตรียมไป ใบสมัครสอบ บัตรประชาชน ดินสอ เขาเขียนไว้เลยว่าให้ใช้อย่างน้อยดินสอดำ 2B อย่างน้อยหมายถึง มากกว่าหรือเท่ากับก็ได้ส่วนตัวผมใช้ 5Bเลยครับ เพราะว่าแค่ฝนเบาๆมันก็ดำละ ถ้าคุณใช้ 2Bฝนคุณคิดว่ามันน้อยไปเครื่องอาจจะไม่อ่านคุณกังวลฝนหนักกระดาษขาดซวยเลยนะครับ ไปถึงห้องสอบไม่ต้องตื่นเต้นแล้วนะ ในใบสมัครสอบมันจะเขียนว่าเราสอบสถานที่ไหน วันไหน ห้องอะไร เลขที่นั่งสอบเท่าไร ก็ไม่ต้องกังวลมั่นใจเลย ดินสอเตรียมไปซัก 2 แท่งแต่งตัวให้เรียบร้อย วันนั้นผมใส่เสื้อโปโล กางเกงขายาว รองเท้าผ้าใบหุ้มส้นใช้ได้นะครับ ประกาศเขียนว่าเข้าห้องสอบได้ตั้งแต่เวลา8.30 แต่ไม่เกินเวลา9.15คุณก็ไม่ต้องรีบร้อนอะไรขนาดนั้น สบายๆ เพราะทำไงก็ได้ให้เข้าไม่เกิน 9.15น. ไม่ต้องตื่นเต้น เดี๋ยวอะไรที่อ่านมาจะลืมหมด เข้าไปแล้วก็นั่งทำสมาธิ นั่งหลับตาสบายๆ หายใจลึกๆ ทำยังไงก็ได้ให้คุณหายตื่นเต้น ชั่วโมงนั้นไม่มีใครช่วยคุณได้ละ นึกถึงพ่อแก้วแม่แก้วอย่างเดียวเลย กรรมการคุมสอบว่าแบบนี้ในกระดาษว่าแบบนี้จะเชื่อใครดี ผมจะแนะนำต่อไป กรรมการก็มาแจกข้อสอบ ถ้าในกระดาษคำตอบให้เขียนชื่อและข้อมูลต่างๆด้วยปากกาสีน้ำเงินเท่านั้น กรรมการบางคนให้คุณเขียนด้วยดินสอ คุณควรจะเชื่อในประกาศหรือเชื่อที่เป็นข้อความมากกว่า เพราะเพราะกรรมการคุมสอบเป็นครูในโรงเรียนนั้นๆ ที่เขาจ้างให้มาคุมการสอบในครั้งนั้น บางทีเขาก็เข้าใจอะไรผิดพลาดได้ อย่าไปเขียนด้วยดินสอนะ มันสุ่มเสี่ยงที่เครื่องมันจะเข้าใจว่าคุณน่ะทุจริตอะไรทำนองนี้ แล้วมันจะพาลไม่ตรวจคุณก็จะได้ 0 0 ไม่มีใครรับผิดชอบนะครับ ทำข้อสอบอย่างไรให้สนุกและสมาธิต่อเนื่อง ให้เปิดคำถามดูทีละหน้าว่าข้อไหนที่คุณคิดว่ามันง่าย คิดว่าที่คุณพอจะทำได้ คุณก็ทำข้อนั้นก่อน อย่าไปเสียเวลาให้ข้อที่มันยาก เขาก็ไม่ได้ออกแบบข้อสอบมาให้คุณทำได้ทุกข้อหรอก แต่ละข้อมีค่าเท่ากัน ไม่ว่าคุณจะใช้เวลาทำข้อละกี่นาทีก็ได้คะแนนแต่ละข้อเท่ากัน แนะนำอีกอย่างเวลาทำข้อสอบให้ทำลงในกระดาษคำถามก่อน ทำสัญลักษณ์อะไรไปก่อน สมาธิจะต่อเนื่อง การทำอะไรสลับไปสลับมา สมาธิมันไม่ต่อเนื่องครับ ผมแนะนำเลยครับให้คุณกาข้อที่ถูกและลงในตัวข้อสอบได้เลย ถ้าเขาไม่ได้เขียนว่าห้ามทำสัญลักษณ์ใดๆลงในตัวข้อสอบ เมื่อทำข้อสอบเสร็จหมดแล้ว ตรวจสอบเข้ากระดาษคำตอบว่าคุณได้ฝนลงไปครบทุกข้อไหมไม่ใช่ฝนข้อที่100 เอาไปใส่ข้อที่ 99 อะไรอย่างนี้ต้องระวังให้ดี ระวังผิดพลาด การเตรียมตัวของผมมันก็มีเท่านี้ เตรียมตัวสอบ กพ.ยังไงให้ง่ายขึ้น 1.ต้องทำใจสบายๆ มีสมาธิ โดยการพูดเท่าที่จำเป็น หลีกเลี่ยงการเล่นเน็ต หรือ Social 2.อย่านอนดึก อย่าตื่นสาย 3.ออกกำลังกาย 4.กินอาหารที่มีประโยชน์ ย่อยง่าย กินผักผลไม้ 5.ต้องมั่นใจว่าคุณทำได้ บอกตัวเองทุกวัน ที่สุดแล้วคือการสะสมและตั้งใจเรียนแต่เด็ก ถ้าเราตั้งใจเรียนตั้งแต่เด็กๆ เงินทองที่พ่อแม่ให้ไปเรียนเราก็เอาไปใช้เพื่อการเรียนอย่างเดียว เพราะว่าเราเป็นนักเรียนก็ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด จะทำอะไรก็ให้นึกถึงพ่อแม่เราให้มากๆครับ ว่าทำไปแล้วเนี่ยพ่อแม่เราจะเสียใจไหม ทำไปแล้วพ่อแม่เราจะมีความภาคภูมิใจหรือดีใจไหม เงินทองมันทำยากเพราะพ่อแม่เราเสียสละใช้หยาดเหงื่อแรงกายของท่านแลกมา แทนที่จะได้กินก็ไม่ได้กิน ต้องเอามาให้เราเรียน เราก็ต้องใช้เรียนอย่างเดียว ก็ลองไปคิดดูว่าครับเงินทองที่พ่อแม่เราให้มาเพื่อให้ใช้ให้เราใช้ไปเรียนอย่างเดียวถ้าเราเอาไปทำอะไรที่มันนอกเหนือที่มันไม่ดีแสดงว่าเป็นคนยังไงครับ คุณทำยังไงคุณจะได้ผลตอบแทนอย่างนั้นล่ะครับ ก็ขอให้ทุกท่านที่ไปสอบ กพ. โชคดีครับขอให้ทำข้อสอบได้ผ่าน 60% ขึ้นไป ให้เป็นข้าราชการอย่างที่ตั้งใจไว้ สวัสดีครับ
อ่านประวัติผมเพิ่มเติมที่นี่ครับ
Blogger: https://goo.gl/Dx9EUD
FB: https://www.facebook.com/iMasteriii

 
ใบรับรองการสอบผ่าน กพ.ของผม

 
หนังสือที่ผมใช้อ่านเตรียมตัวสอบ

วันเสาร์ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2560

เคล็ดลับการสอบท้องถิ่น

เรียนเก่งๆ จะได้เป็นเจ้าคนนายคน

อาชีพข้าราชการเป็นความฝันของใครหลายๆ คน เรามักได้ยินพ่อแม่เราพูดว่า ตั้งใจเรียนนะโตขึ้นจะได้เป็นเจ้าคนนายคน เหตุก็เพราะว่าสมัยก่อนคนไทยมีอาชีพทำการเกษตร ทำไร่ ทำนา ซึ่งผลผลิตไม่แน่นอนขึ้นอยู่กับดินฟ้าอากาศ การทำงานพวกนี้ก็เหน็ดเหนื่อย เมื่อได้ผลผลิตก็จะมีพ่อค้าคนกลางมาซื้อซึ่งอาจถุกกดราคา เพราะสมัยก่อนยังไม่มีอินเทอร์เน็ตใช้แพร่หลายเหมือนสมัยนี้ ส่วนคนที่ทำงานราชการในความคิดของชาวบ้านก็เห็นว่า แต่งตัวดีๆไปทำงานสบายๆ ได้เงินเดือนแน่นอนทุกเดือน มีสวัสดิการที่ดี ไม่ต้องตากแดด ตากฝน เจ็บป่วยก็เบิกค่ารักษาพยาบาลได้ทั้งครอบครัว ซึ่งต่างจากชาวบ้านที่ต้องอดทนเอาหรือจ่ายเงินเองเมื่อไปหาหมอ อีกทั้งชาวบ้านมักเกรงใจเมื่อไปใช้บริการเพราะเข้าใจว่าเป็นเจ้าขุนมูลนาย

ยุคสมัยที่เปลี่ยนไปแต่ความนิยมในอาชีพราชการมิเสื่อมคลาย

แต่ยุคสมัยนั้นได้เปลี่ยนไปมากแล้ว ปัจจุบันเราอยู่ในยุคที่แทบทุกคนเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้ทุกที่ มีการปฏิรูปหน่วยงานราชการมากมายเพื่อให้ข้าราชการอยู่ในฐานะผู้ที่ต้องให้บริการประชาชนด้วยหลักธรรมาภิบาล และ ไม่มีอภิสิทธิ์ใดๆ เหนือประชาชนอีกต่อไป แต่ถึงอย่างนั้นก้ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความคิดคนรุ่นก่อนๆได้ที่ว่าเป็นข้าราชการมั่นคง สวัสดิการดีและมีเกียรติ ยังคงพร่ำสอนและอยากให้ลูกหลานสอบเข้ามารับราชการ โดยอาชีพยอดนิยม เช่น ตำรวจ ทหาร ครู ข้าราชการและพนักงานส่วนท้องถิ่น ในการสอบแต่ละครั้งมีผุ้สมัครสอบมากมาย บางสนามนับแสนๆ คน

เข้าสอบแข่งขันนักวิชาการคอมพิวเตอร์ปฏิบัติการ ท้องถิ่น ปี2560

ผมมีโอกาสได้เข้าสอบแข่งขันเพื่อบรรจุบุคคลเป็นข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2560 ซึ่งผมก็ทำตามกฏระเบียบและขั้นตอนทุกอย่างในการเข้าสอบเช่นเดียวกับทุกๆคน ผมจะอ่านระเบียบให้เข้าใจอย่างดีและปริ้นระเบียบติดไปด้วยเผื่อใช้ในกรณีจำเป็น ในการสอบครั้งนี้มีผู้สมัครกว่า 6 แสนคน มาสอบประมาณ 4 แสนกว่า ซึ่งเรียกได้ว่ามากมายมหาศาลแสดงถึงความนิยมชมชอบในอาชีพข้าราชการของสังคมไทย ตำแหน่งที่ผมสมัครคือ นักวิชาการคอมพิวเตอร์ปฏิบัติการ(วุฒิปริญญาตรี ทางคอมพิวเตอร์) ภาคกลาง เขต3 โดยรับทั้งสิ้น 14 คน มีผู้สอบผ่าน ภาค ก. ภาค ข. 8 คน และผมเป็นหนึ่งในนั้น เนื้อหาการสอบภาค ก.นั้น 100 ข้อ เป็นเนื้อหาของ พรบ.ต่างๆมากมายนับสิบ พรบ. ซึ่งใช้ในการทำงานท้องถิ่น มีคณิตศาสาตร์ไม่กี่ข้อ และ สำคัญคือ ภาษาอังกฤษ 20ข้อ ส่วนเนื้อหาในภาค ข.ของตำแหน่งนักวิชาการคอมพิวเตอร์ปฏิบัติการ ออกความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ซึ่งออกแบบพื้นฐานเลยครับ และ มีเรื่อง พรบ.คอมพิวเตอร์ เนื้อหาที่ออกข้อสอบ
  • 1.พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทาความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐
  • 2. พระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๔๔
  • 3. ประกาศกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เรื่อง หลักเกณฑ์การเก็บรักษาข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ของผู้ให้บริการ พ.ศ. 2550
  • 4. ความรู้เกี่ยวกับอุปกรณ์นาข้อมูลเข้าและอุปกรณ์แสดงผลข้อมูล
  • 5. ความรู้เกี่ยวกับซอฟต์แวร์ การจัดการระบบฐานข้อมูลและการบูรณาการ การใช้ภาษาทางคอมพิวเตอร์ ชุดคาสั่งระบบปฏิบัติการ ชุดคาสั่งสาเร็จรูป
  • 6. ความรู้เกี่ยวกับระบบสารสนเทศ
  • 7. ความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีการสื่อสารข้อมูลและระบบเครือข่าย
  • 8. ความรู้เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ด้านฮาร์ดแวร์ ซอร์ฟแวร์ การวิเคราะห์ออกแบบ และพัฒนาระบบงานประยุกต์
  • 9. ความรู้เกี่ยวกับระบบรักษาความปลอดภัยคอมพิวเตอร์เบื้องต้น
  • 10. ความรู้ที่เกี่ยวกับงานตาม “ลักษณะงานที่ปฏิบัติ” ของตาแหน่งที่สมัครสอบ

ประวัติการสอบ

ตั้งแต่ผมจำความได้ผมก้สอบแข่งขันมาตลอด มีสอบได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่ส่วนใหญ่จะสอบได้ นี่เป็นประวัติการสอบครั้งสำคัญๆ ของผม
  • @สอบเข้าโควต้าคณะวิทยาศาสตร์ ม.ศิลปากร
  • @สอบเข้าคณะวิทยาศาสตร์ ม.มหิดล
  • @สอบเข้าคณะนิติศาสตร์ ม.เชียงใหม่
  • @สอบเข้าสาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ ราชภัฎเพชรบุรี ปี2541 ลำดับที่3
  • @สอบนักเรียนพลตำรวจภาค7 ปี 2546 ได้ลำดับที่3/6,000
  • @สอบนายสิบตำรวจสายอำนวยการปี2555 ได้ลำดับที่150/90,000
  • @สอบนายร้อยตำรวจสายประมวลผลได้ลำดับที่15/8,000
  • @สอบผ่านกพ.ปี 2558 (คนผ่าน3-5%)
  • @สอบเข้ารับราชการท้องถิ่น นักวิชาการคอมพิวเตอร์ ผ่านภาค ก.,ข.ลำดับ1-8? ปี2560

อ่านหนังสือใครก็อ่านได้แต่อ่านอย่างไรให้สอบติด

จำนวนคนเข้าสอบมีมากดุจเม็ดทราย แต่จำนวนคนสอบได้มีน้อยนิด คงเคยได้ยินคนพูดว่าอ่านหนังสือหรือยัง อ่านเยอะๆสิจะได้สอบติด ส่วนตัวแล้วผมว่าการอ่านเยอะไม่จำเป็น แต่การอ่านยังไงให้เข้าใจ จดจำเนื้อหาที่เขาจะออกข้อสอบได้สิ เป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง มาถึงตอนนี้หลายคนอยากรู้แล้วใช่มั้ยครับว่าผมเตรียมตัวอย่างไร ถึงสอบติด ดูจากประวัติแล้ว ผมสอบติดตำแหน่งงานคอมพิวเตอร์รวมครั้งนี้แล้ว 3ครั้ง ในการสอบครั้งล่าสุดคือ การสอบท้องถิ่น ตำแหน่งนักวิชาการคอมพิวเตอร์ปฏิบัติการ ผมทำงานและเตรียมตัวสอบไปด้วย ใช้ระยะเวลาประมาณ 20วัน การอ่านหนังสือ
  • 1.อ่านระเบียบการรับสมัครก่อนเลยครับว่าวุฒิที่เรามีสามารถสมัครสอบในตำแหน่งอะไรได้บ้าง
  • 2.เลือกตำแหน่งที่จะสอบโดยตรวจดูความเป็นไปได้ที่จะสอบติด เช่น จำนวนคนที่คาดว่าจะสมัคร จำนวนคนที่เขารับ ความสามารถของเรา
  • 3.อ่านระเบียบดูว่าตำแหน่งที่เราสมัครเขาจะสอบวิชาอะไรบ้าง
  • 4.นั่งคิดนั่งนึกให้เข้าใจในขอบเขตเนื้อหาที่เขาจะสอบ
  • 5.ดูสรุปจากยูทูบให้มองภาพรวมออกก่อน
  • 6.อ่านชีทสรุปในเน็ตก็มี
  • 7.อ่านพรบ. พรฎ. พรก. ระเบียบต่างๆ พยายามสร้างภาพในหัวจัดหมวดหมู่ให้ได้
  • 8.อ่านวิชาเอกของเราที่จะสอบ(แต่ละคนคงเชียวชาญอยู่แล้ว)

**ทุกขั้นตอนห้ามเครียดห้ามกังวลมันจะตีกัน
**ฝึกมีสติอย่าพูดเยอะ พูดเพ้อเจ้อ
**กินอาหาร พักผ่อนให้เพียงพอ
**ออกกำลังกายสม่ำเสมอ

เคล็ดลับที่สุดแล้วคือ??

สำหรับผมในการสอบทุกครั้ง คือความมั่นใจในตัวเอง ความมุ่งมั่นที่จะทำให้ได้ ถึงเราอ่านและเตรียมตัวมาดีแค่ไหน เวลาสอบไม่มั่นใจในตัวเอง กังวลโน่นนี่นั้น ความรู้ในหัวก็ตีกันจนเราควบคุมไม่ได้ สุดท้ายก็กาผิดกาถูก ที่เตรียมตัวมาสูญเปล่า ขอให้ทุกคนที่ฝันอยากเป็นราชการทำตามความฝันของตัวเองจนสำเร็จนะครับ สนใจเอกสารที่ผมใช้ในการสอบครั้งนี้ดาวน์โหลดได้ที่นี่ https://files.fm/u/nbbwwhhh

วันอาทิตย์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

การสอบนายร้อยสายประมวลผล ปี2555


เมื่อปี 2555 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประกาศรับสมัครนายร้อยตำรวจสายประมวลผลซึ่งผู้สมัครต้องมีวุฒิปริญญาตรีทางด้านคอมพิวเตอร์ อายุไม่เกิน 35 ปี โดยให้สถาบันที่เราจบมาเป็นผู้รับรองครั้งนั้นผมมีโอกาสได้สมัครสอบด้วย ซึ่งการสอบข้อสอบแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ 1.ความรู้ความสามารถเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ Algorithm สถาปัตยกรรมคอมพิวเตอร์ network และ อื่นๆ 2.ความรู้ทั่วไป ภาษาไทย การแต่งกายใส่เสื่อยืด กางเกงวอร์ม ไม่สวมร้องเท้า ถุงเท้าเข้าห้องสอบ กลิ่นเท้าตลบอบอวน มีการแสกน ก่อนเข้าห้องสอบตามปกติ บรรยากาศในห้องสอบ แต่ละคนนั่งก้มหน้าทำข้อสอบ ไม่พูดจากัน สีหน้าดูเคร่งเครียด จริงจัง ข้อสอบในปีนั้นไม่ยากอะไร ผมนั่งทำข้อสอบอย่างใจเย็น แต่เมื่อกลับมาบ้านก็มีคนมาเฉลยข้อมสอบในอินเทอร์เน็ต ที่ผมห่วงก็คือ ภาคหลัง ยิ่งดูเฉลยก็ยิ่งรู้ล่ะว่าในผ่านแน่ๆ การสอบในครั้งนั้นผมทำคะแนนในภาคแรกได้ 68/100 ภาคที่สอง 11/20 แน่นอนครับไม่ผ่าน เพราะต้องได้คะแนนแต่ละภาคไม่น้อยกว่า 60% ก็ได้แต่รอว่าเมื่อไหร่จะประกาศรับสมัครอีก

วันจันทร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

เล่าประสบการณ์การสอบตำรวจสายปราบปราม ปี 2549


โตขึ้นอยากเป็น...

เมื่อตอนยังเป็นเด็กสมัยประถมอายุประมาณ 8-9ขวบ เรียนโรงเรียนวัดแถวๆบ้าน ชื่อโรงเรียนวัดท่าขาม ตามประสาเด็กบ้านนอกทั่วๆไป เช้ามาเรียน เย็นเลิกเรียนก็ปั่นจักรยานเล่นในหมู่บ้าน สนุกสนาน
เรื่องเรียนไม่ใช่เรื่องที่ต้องเครียด ไม่ได้สนใจเรื่องอนาคตอะไร เรามักจะได้ยินผู้ใหญ่ถามว่า โตขึ้นอยากเป็นอะไร เด็กน้อยจะตอบอาชีพในฝัน หรือ สิ่งที่อยากเป็น เช่นโตขึ้นหนูจะเป็น ตำรวจ ทหาร หมอ พยาบาล วิศวะกร นักบิน แต่ความฝันของเด็กน้อยอย่างผมในตอนนั้น ตำรวจไม่ได้เ็นอาชีพในฝัน โตขึ้นผมอยากเป็นนักวิทยาศาสตร์ แบบ ทดลองประดิษฐ์โน่นนี่นั่น

ปี 2543 ไปสอบตำรวจกันเถอะ

เมื่อปี 2543 ตอนนั้นผมเรียนระดับอุดมศึกษาปี 2 เพือนชวนไปสอบตำรวจ ใครๆ ก็บอกว่าตำรวจสอบเข้ายากมาก ก็อยากไปลองดูว่ามันจะยากแค่ไหน ตกลงรถไฟเพื่อไปสมัครสอบกันที่ โรงเรียนตำรวจ นครปฐม แต่วันนั้นเป็นวันเสาร์ ก็เลยไม่ได้สมัคร ปีนั้น

ปี 2548 สอบตำรวจสายปราบปราม ผลปรากฏว่า...

หลังจากพลาดการสมัครในปี 2543 ความคิดที่จะไปสอบตำรวจก็ไม่มีอีก เรียกว่าลืมไปเลย จนปี 2548 ผมก็ได้ข่าวว่าจะมีการสอบตำรวจอีก เด็กผู้ชายหลายๆคนๆในหมู่บ้านไปสมัครสอบเหมือนปีก่อนๆ บางคนสอบมา6-7 ครั้ง ผมอยากรู้ว่าสอบตำรวจมันจะยากอะไรขนาดนั้นเลยเหรอ ปีนี้ขอไปสอบสักทีเถอะ อาศัยรถคนในหมู่บ้านเพื่อไปสมัครสอบที่นครปฐม ...ในที่สุดปีนี้ได้สมัครสอบตำรวจแล้ว

เตรียมตัวเพื่อสอบตำรวจครั้งแรก

จากคำบอกเล่าของคนที่สอบตำรวจมาหลายๆปี มันยากอย่างโน้นอย่างนี้ เพื่อความไปประมาทเตรียมตัวสักหน่อย ผมตรวจดูว่าจะต้องสอบวิชาอะไรบ้าง วิธีการอ่าน ผมจะตรวจสอบว่าวิชานั้นๆ หลักของมันคืออะไร เค้าต้องการให้เรารู้เรื่องอะไรบ้าง การอ่านจะไม่ใช้การท่องจำอย่างเดียวผมต้องเข้าใจและสรุปเป็นแผนผังหรือภาพได้ ผมเริ่มอ่านหนังสือใช้เวลาเตรียมตัวประมาณ 1 เดือน

ถึงวันต้องสอบตำรวจแล้ว

เมื่อถึงวันสอบผมเตรียมตัวแต่เช้าคืนก่อนสอบผมอ่านหนังสือทบทวนอย่างใจเย็น พยายามทำสมาธิ เตรียมอุปกรณ์การสอบ ดินสอ 2บี 2แท่ง ยางลบ บัตรประจำตัวสอบ และเข้านอนดึกมากเพราะจะทำให้สมองไม่ปลอดโปร่ง ตื่นเช้า อาบน้ำแต่งตัว กินข้าวเช้า เตรียมตัวเดินทางไปสอบโดยรถยนต์ ถึงสนามสอบประมาณ 7โมงเช้า ก่อนทำข้อสอบทำสมาธิสักพัก ไม่ตกอกตกใจอะไร ผมทำข้อสอบอย่างใจเย็น ซึ่งข้อสอบไม่ยากอะไร ผมมั่นใจผมทำได้ 90%

ตรวจผลสอบจากบอร์ด ประกาศผลสอบตำรวจสายปราบปราบ ลุ้นๆๆๆ

การประกาศผลสอบในปีนั้นใช้วิธีติดบอร์ด ผมไปถึงเพื่อนที่มาก่อนก็มาบอกผมว่า....มึงได้ที่ 3นะ 83 คะแนน ผมฟังแล้วก็เฉยๆ ค่อนข้างผิดหวังในคะแนนที่ได้ อืมม ได้น้อยไปนะ สรุปปีนั้นผมสอบตำรวจสายปราบปรามได้ลำดับที่3 ของ ตำรวจภูธรภาค7 เสียงล่ำลือไปหลายๆหมู่บ้าน บางเสียงกล่าวว่า มันมีดีอะไรวะ คนอื่นสอบตั้งหลายครั้งไม่ติด ไอ้นี่สอบครั้งเดียวติดเลย บ้างก็ว่าหมดเงินไปเท่าไหร่ ตามสบายครับ

เตรียมตัวสอบภาคพละฯ

การสอบภาคพละจะสอบ วิ่ง ว่ายน้ำ วิ่งเก็บของ ถ้าจำไม่ผิดนะ ผมว่ายน้ำเข้าเส้นชัยแป๊บเดียวเสียงนกหวีดก็ดังขึ้นเกือบไม่ทัน สอบวิ่งเป็นอะไรที่เหนื่อยมาก ผมใช้วิธีวิ่งชิดขอบวงใน ปีนั้นก็ผ่านหมดในภาคพละ และ ตรวจสายตา

สอบภาคจิตวิทยา

การสอบภาคจิตวิทยาเป็นการตรวจสอบว่าเรามีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะเป็นตำรวจหรือไม่ คนที่สอบไม่ผ่านไม่ได้หมายความว่าจะเป็นคนจิตผิดปกติ ผมดูจะกังวลกับการสอบภาคนี้มาก ทั้งๆที่เพื่อนบอกว่ามึงสอบผ่านมา 2ภาคแล้ว สอบจิตวิทยาใครๆก็ป่านกันทั้งนั้นล่ะ ข้อสอบเป็นคำถามทั่วๆไป ผมไม่รู้เลยว่าที่ตอบไปมันหมายความว่าอะไรบ้าง ประกาศผลสอบภาคนี้ปรากฏว่า ผม ไม่ ผ่าน ครับ เจ้าหน้าที่บอกว่า พวกที่ไม่ผ่านส่วนมาเป็นพวกอีโก้สูงคือมีความเป็นตัวตนสูง ควบคุมยาก ไม่เหมาะที่จะเป็นตำรวจ เฮ้อ จบกัน

เล่าประสบการณ์การสอบตำรวจสายปราบปราม ปี 2549


โตขึ้นอยากเป็น...

เมื่อตอนยังเป็นเด็กสมัยประถมอายุประมาณ 8-9ขวบ เรียนโรงเรียนวัดแถวๆบ้าน ชื่อโรงเรียนวัดท่าขาม ตามประสาเด็กบ้านนอกทั่วๆไป เช้ามาเรียน เย็นเลิกเรียนก็ปั่นจักรยานเล่นในหมู่บ้าน สนุกสนาน
เรื่องเรียนไม่ใช่เรื่องที่ต้องเครียด ไม่ได้สนใจเรื่องอนาคตอะไร เรามักจะได้ยินผู้ใหญ่ถามว่า โตขึ้นอยากเป็นอะไร เด็กน้อยจะตอบอาชีพในฝัน หรือ สิ่งที่อยากเป็น เช่นโตขึ้นหนูจะเป็น ตำรวจ ทหาร หมอ พยาบาล วิศวะกร นักบิน แต่ความฝันของเด็กน้อยอย่างผมในตอนนั้น ตำรวจไม่ได้เ็นอาชีพในฝัน โตขึ้นผมอยากเป็นนักวิทยาศาสตร์ แบบ ทดลองประดิษฐ์โน่นนี่นั่น

ปี 2543 ไปสอบตำรวจกันเถอะ

เมื่อปี 2543 ตอนนั้นผมเรียนระดับอุดมศึกษาปี 2 เพือนชวนไปสอบตำรวจ ใครๆ ก็บอกว่าตำรวจสอบเข้ายากมาก ก็อยากไปลองดูว่ามันจะยากแค่ไหน ตกลงรถไฟเพื่อไปสมัครสอบกันที่ โรงเรียนตำรวจ นครปฐม แต่วันนั้นเป็นวันเสาร์ ก็เลยไม่ได้สมัคร ปีนั้น

ปี 2548 สอบตำรวจสายปราบปราม ผลปรากฏว่า...

หลังจากพลาดการสมัครในปี 2543 ความคิดที่จะไปสอบตำรวจก็ไม่มีอีก เรียกว่าลืมไปเลย จนปี 2548 ผมก็ได้ข่าวว่าจะมีการสอบตำรวจอีก เด็กผู้ชายหลายๆคนๆในหมู่บ้านไปสมัครสอบเหมือนปีก่อนๆ บางคนสอบมา6-7 ครั้ง ผมอยากรู้ว่าสอบตำรวจมันจะยากอะไรขนาดนั้นเลยเหรอ ปีนี้ขอไปสอบสักทีเถอะ อาศัยรถคนในหมู่บ้านเพื่อไปสมัครสอบที่นครปฐม ...ในที่สุดปีนี้ได้สมัครสอบตำรวจแล้ว

เตรียมตัวเพื่อสอบตำรวจครั้งแรก

จากคำบอกเล่าของคนที่สอบตำรวจมาหลายๆปี มันยากอย่างโน้นอย่างนี้ เพื่อความไปประมาทเตรียมตัวสักหน่อย ผมตรวจดูว่าจะต้องสอบวิชาอะไรบ้าง วิธีการอ่าน ผมจะตรวจสอบว่าวิชานั้นๆ หลักของมันคืออะไร เค้าต้องการให้เรารู้เรื่องอะไรบ้าง การอ่านจะไม่ใช้การท่องจำอย่างเดียวผมต้องเข้าใจและสรุปเป็นแผนผังหรือภาพได้ ผมเริ่มอ่านหนังสือใช้เวลาเตรียมตัวประมาณ 1 เดือน

ถึงวันต้องสอบตำรวจแล้ว

เมื่อถึงวันสอบผมเตรียมตัวแต่เช้าคืนก่อนสอบผมอ่านหนังสือทบทวนอย่างใจเย็น พยายามทำสมาธิ เตรียมอุปกรณ์การสอบ ดินสอ 2บี 2แท่ง ยางลบ บัตรประจำตัวสอบ และเข้านอนดึกมากเพราะจะทำให้สมองไม่ปลอดโปร่ง ตื่นเช้า อาบน้ำแต่งตัว กินข้าวเช้า เตรียมตัวเดินทางไปสอบโดยรถยนต์ ถึงสนามสอบประมาณ 7โมงเช้า ก่อนทำข้อสอบทำสมาธิสักพัก ไม่ตกอกตกใจอะไร ผมทำข้อสอบอย่างใจเย็น ซึ่งข้อสอบไม่ยากอะไร ผมมั่นใจผมทำได้ 90%

ตรวจผลสอบจากบอร์ด ประกาศผลสอบตำรวจสายปราบปราบ ลุ้นๆๆๆ

การประกาศผลสอบในปีนั้นใช้วิธีติดบอร์ด ผมไปถึงเพื่อนที่มาก่อนก็มาบอกผมว่า....มึงได้ที่ 3นะ 83 คะแนน ผมฟังแล้วก็เฉยๆ ค่อนข้างผิดหวังในคะแนนที่ได้ อืมม ได้น้อยไปนะ สรุปปีนั้นผมสอบตำรวจสายปราบปรามได้ลำดับที่3 ของ ตำรวจภูธรภาค7 เสียงล่ำลือไปหลายๆหมู่บ้าน บางเสียงกล่าวว่า มันมีดีอะไรวะ คนอื่นสอบตั้งหลายครั้งไม่ติด ไอ้นี่สอบครั้งเดียวติดเลย บ้างก็ว่าหมดเงินไปเท่าไหร่ ตามสบายครับ

เตรียมตัวสอบภาคพละฯ

การสอบภาคพละจะสอบ วิ่ง ว่ายน้ำ วิ่งเก็บของ ถ้าจำไม่ผิดนะ ผมว่ายน้ำเข้าเส้นชัยแป๊บเดียวเสียงนกหวีดก็ดังขึ้นเกือบไม่ทัน สอบวิ่งเป็นอะไรที่เหนื่อยมาก ผมใช้วิธีวิ่งชิดขอบวงใน ปีนั้นก็ผ่านหมดในภาคพละ และ ตรวจสายตา

สอบภาคจิตวิทยา

การสอบภาคจิตวิทยาเป็นการตรวจสอบว่าเรามีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะเป็นตำรวจหรือไม่ คนที่สอบไม่ผ่านไม่ได้หมายความว่าจะเป็นคนจิตผิดปกติ ผมดูจะกังวลกับการสอบภาคนี้มาก ทั้งๆที่เพื่อนบอกว่ามึงสอบผ่านมา 2ภาคแล้ว สอบจิตวิทยาใครๆก็ป่านกันทั้งนั้นล่ะ ข้อสอบเป็นคำถามทั่วๆไป ผมไม่รู้เลยว่าที่ตอบไปมันหมายความว่าอะไรบ้าง ประกาศผลสอบภาคนี้ปรากฏว่า ผม ไม่ ผ่าน ครับ เจ้าหน้าที่บอกว่า พวกที่ไม่ผ่านส่วนมาเป็นพวกอีโก้สูงคือมีความเป็นตัวตนสูง ควบคุมยาก ไม่เหมาะที่จะเป็นตำรวจ เฮ้อ จบกัน

วันอังคารที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

เหนื่อยอีกแล้วตำรวจไทย กับการรายงานผลการลงประชามติ


ตำรวจไทยกับการเฝ้าหน่วยลงประชามติ
ทุกๆครั้งที่มีการเลือกตั้ง หรือ ลงประชามติ หน้าที่เฝ้าหน่วยหน่วย หรือ เรียกเท่ๆว่า รักษาความปลอดภัย มักตกเป็นของตำรวจ ไหนๆ ก็ไปเฝ้าแล้ว เอางี้แล้วกันช่วยทำสรุปเป็นรายงานมาเลยว่า ใครได้รับ เลือก หรือ ผลการลงประชามติในจังหวัดนั้น เป็นอย่างไร ก็คงไม่พ้น ตำรวจโรงพัก ต้องช่วยกันส่งผลการการนับคะแนนไปให้ ภจว. รวบรวมเพื่อประมวลผล กว่าจะเสร็จก็หลังเที่ยงคืนโน่นละ ตำรวจไทยต้องทำได้ทุกอย่าง



ระบบรายงานผลการลงประชามติภายใน 10นาที
จะดีมั้ยล่ะ ถ้ามีระบบช่วยให้การประมวลผลทำได้รวดเร็วขึ้น ก็รู้ๆอยู่ว่าบรรดานายๆใจร้อน อยากรู้ผลเร็วๆ
ถ้ารายงานได้เร็ว ผบก.จังหวัดนั้นๆก็หน้าบานยิ้มไม่หุบล่ะ มีครับระบบรายงานผลการลงประชามติแบบออนไลน์ หลังจากกรอกคะแนนของแต่ละหน่วยลงประชามติจนครบ ภายในไม่เกิน 10นาที ระบบจะคำนวณผล แสดงผลออกมาเป็นกราฟต่างๆ โดยแสดงเป็นภาพรวม ระดับ โรงพัก อำเภอ และ ระดับจังหวัด พร้อมนำไปเสนอ ผบก.จว. ได้เลย

หากสนใจเข้าไปอ่านคู่มือการใช้งานก่อนครับ
คู่มือการใช้งานระบบรายงานผลลงประชามติสำหรับadminโรงพัก
คู่มือการใช้งานระบบรายงานผลลงประชามติสำหรับadminจังหวัด

วันพฤหัสบดีที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ความลับที่คุณไม่เคยรู้ สอบตำรวจยังไงให้ติด

อาชีพราชการ อาชีพในฝันของใครหลายๆคน
ทำไมถึงอยากมาเป็นราชการ โดยเฉพาะตำรวจ หลายคนคงตอบว่าใฝ่ฝันมาตั้งแต่เด็ก อยากแต่งชุดเท่ๆ
อยากจับโจรผู้ร้าย สวัสดิการดี พ่อแม่ สามี ภรรยา เบิกค่ารักษาพยาบาลได้ ลูกเบิกค่าเล่าเรียนได้
ชอบแต่งชุด พกปืน พ่อแม่อยากให้เป็น หลายๆเหตุผล

คู่แข่งเป็นแสน การแข่งขันที่สูงมาก
ถึงเราจะได้ยินว่าใครๆก็เกลียดตำรวจ ไม่ชอบตำรวจ ตำรวจชอบรีดไถ สารพัดเหตุผล แต่เมื่อถึงเวลาสมัครสอบตำรวจทีไร ไม่ว่าจะเป็น นายร้อยตำรวจ นายสิบตำรวจสายปราบปราม และ อำนวยการ คนแห่กันมาสมัครมากมายจริงๆ สายปราบปรามจะแบ่งเป็นภาคต่างๆ และ นครบาล คนสมัครแต่ละที่ก้เป็นหมื่นๆ สายอำนวยการจะเปิดสอบที่ส่วนกลางคนสมัครเป็นแสน ใช่แล้วเป็นแสนแต่รับแค่ไม่กี่ร้อยคนเท่านั้น เช่นรับ 400 คน ยอดสมัคร 120000 อัตราการแข่งขัน 1 ต่อ 300 คือ 300 คนเอา 1 คน

จะสอบอย่างไรให้ติดล่ะ ฉันทำไม่ได้หรอก
การสอบตำรวจวิชาที่สอบสำหรับสายปราบปราม จะมีวิชา ความสามารถทั่วไป คณิตศาสตร์ ภาษาไทย เทคโนโลยีสารสนเทศ ภาษาอังกฤษ จริยธรรมคุณธรรม เศรษฐกิจพอเพียง กฏหมายทั่วไป กฏหมายรัฐธรรมนูญ พรบ.ตำรวจแห่งชาติ พรบ.ว่าด้วยหลักเกณฑ์การบริหารบ้างเมืองที่ดี

ตำรวจสายอำนวยการ จะสอบวิชาพวกนี้ ความรู้ความสามารถทั่วไป
พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 ระเบียบงานสารบรรณ พ.ศ.2526 จริยธรรมทั่วไป คอมพิวเตอร์ Microsoft Word 2010 Microsoft Ecell 2010  Microsoft Power point 2010

ซึ่งข้อสอบไม่ได้ออกยากเย็นอะไร ถามแค่ประมาณว่ารู้หรือไม่รู้ วัดเชาว์ปัญญา การแก้ปัญหา การเตรียมตัวสอบควรเตรียมตัวแต่เนิ่นๆ อ่านสะสมทุกวันๆ การมาติวเดือนสองเดือนแล้วติด ถ้าไม่มีพื้นฐานอยู่แล้วยากมากๆ

ประวัติการสอบตำรวจของผม
  1. สอบนายสิบตำรวจสายปราบปรามของตำรวจภูธรภาค7 ได้ลำดับที่ 3 จากคนสมัครประมาณ 6-7 พันคน
  2. สอบนายสิบตำรวจสายอำนวยการได้ลำดับที่ 150จากคนสมัครสอบประมาณ 12000คน
  3. สอบนายร้อยตำรวจสายประมวลผลได้คะแนน คอมพิวเตอร์ 68/100 ความรู้ความสามารถทั่วไป 11/20 ครั้งนี้ไม่ติดนะ เพราะภาคหลังไม่ถึง 60% ปีนั้นคนสอบผ่านทั้งสองภาคไม่กี่คน
  4. สอบนายร้อยตำรวจสายประมวลผลได้ลำดับที่ 15 จากคนสมัครประมาณ 10000คน
  5. สอบผ่านกพ.ปี58 ปีนั้นคนสอบผ่านประมาณ 5%
  6. สอบผ่านตำแหน่งนักวิชาการคอมพิวเตอร์ ของกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นปี60 คะแนนภาคก. 77 คะแนนภาคข. 65
ที่พูดคือจะบอกว่าผมก็ลูกชาวบ้านธรรมดาๆ ไม่มีเส้นสายอะไร 1000%  ใครที่บอกว่าช่วยให้เข้าได้ มีเส้นมีสาย ในการสอบแข่งขันมันใช้ไม่ได้หรอกครับ เพราะกรรมการมีมาก แต่ถ้าจะเข้ามาทีหลังด้วยวิธีการพิเศษซึ่งเค้าเปิดช่องไว้ให้อันนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง การสอบติดอยู่ที่การเตรียมตัวสอบครับ เรื่องคนเยอะอย่าไปกลัว มั่นใจในตัวเองหน่อย สิ่งที่ต้องรู้คือ เขาจะสอบวิชาอะไรกัน แล้ว เรารู้ดีในวิชานั้นๆแค่ไหน หลักของวิชานั้นคืออะไร อ่านสะเปะสะปะจะไปติดได้ไงครับ

**สุดยอดเคล็ดลับก็คือใจที่ไม่เกรงกลัวหวั่นไหวต่อจำนวนคนที่สมัครสอบ ความมั่นใจในตัวเอง และ การเตรียมตัวที่ดีพอ รู้ในหลักของวิชาที่จะสอบ ก่อนสอบนั่งทำสมาธิแป๊บนึง เปิดดูข้อสอบทุกหน้าเล็งๆ ข้อที่เราทำได้ง่ายๆ ก่อน อย่าตกใจเวลาเจอข้อสอบ คิดดิคุณทำไม่ได้หลายๆคนก็คงทำไม่ได้หรอกครับ :)